หลังจากแก้งาน 志望理由書 ครั้งที่3 เัสร็จแล้วก็เลยมาอัพบล็อกซะหน่อย
หลังจากได้ทำ Task นี้ ได้อะไรเยอะมากมายจริงๆ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าชอบวิธีการสอนแบบนี้ของอาจารย์มาก
คือให้ลองเขียนดูเองก่อน แล้วก็ค่อยๆปรับ ค่อยๆแก้ ด้วยตัวเองทีละจุด
เรียนแบบนี้ทำให้จำขึ้นใจดี :)
อ๋อ แล้วก็ได้ดูตัวอย่างของคนอื่นๆด้วย
ทำให้ได้รู้ว่าส่วนที่ดีของเขาที่เราควรจะเอามาใช้คืออะไร
หรือส่วนที่ไม่ดีีของเขาคืออะไร สามารถเอามาปรับใช้ได้
จากที่ได้ลองเขียนเองและดูตัวอย่างมากมาย
ก็ได้เคล็ดลับการเขียน 志望理由書 เยอะมาก เช่น
♥ ตอนที่แนะนำตัวเองใน 段落 แรก ไม่ต้องอธิบายอะไรยืดยาว
ควรเขียนสิ่งที่ตรงประเด็นและสำคัญ เช่น
ได้เรียนอะไรเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นมาบ้าง หรือ ผ่านสอบวัดระดับอะไรมาแล้ว
♥ ใน 段落 2 ต้องอธิบายให้ชัดเจนและละเอียดว่าเราอยากเรียนอะไร
แล้วก็ไม่ควรใช้สำนวนหรือคำที่เป็นการประเมิน
หรือคำที่ไม่ได้แสดงการอธิบายที่เพียงพอ
♥ ใน 段落 3 ไม่ควรเขียนความฝันระดับประเทศหรืออะไรที่ยิ่งใหญ่เกินไป
หรือเขียนอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียนมา
♥ ต้องใช้คำและสำนวนที่เป็น 書き言葉 !!
นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้รูปประโยคต่างๆที่ควรใช้ด้วย
หลังจากที่ได้เขียนถึงครั้งที่สามแล้วก็ู้สึกว่าพัฒนาขึ้น
ครั้งที่สามนี่จะเขียนได้ละเอียดมากที่สุด
ทั้งตรงที่อยากไปเรียนเกี่ยวกับอะไร แล้วก็ตรงแนะนำตัว
(ตอนเขียนครั้งแรกลืมเขียนชื่อกับแนะนำตัวด้วย ฮ่าๆๆ)
แต่ไม่รู้ว่าจะผิดอะไรบ้าง เหอๆ ต้องรออาจารย์ตรวจ
ตอนที่จะต้องส่ง Study plan ให้ Soka University
Task นี้คงมีประโยชน์มากมายเลยทีเดียวเชียว :)
สุดท้าย ชอบประโยคนี้มาก อธิบายความเป็น 志望理由書 ได้ดี
志望理由書 とは、「勉強させてください」という気持ちを伝えるもの
25530124
25530115
ขอบคุณ หรือ ขอโทษ?
เรื่องที่จะอัพวันนี้จริงๆไม่ค่อยมีความเกี่ยวข้องอะไรเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ
คือว่าเมื่อวันก่อน พยายามรีบวิ่งให้ทันลิฟท์ที่คณะ
แล้วก็ทันจริงๆด้วย ฮ่าๆ พอเข้าไปก็ูพูดว่า "ขอโทษค่ะ"
แล้วก็คิดขึ้นมาว่า เอ๊ะ พูดเหมือนคนญี่ปุ่นเลยแฮะ
เพราะในสถานะการณ์นี้คนไทยส่วนใหญ่มักจะพูดว่า "ขอบคุณค่ะ/ครับ"
อย่างคนญี่ปุ่น คนที่เข้าลิฟท์มาทีหลังก็มักจะพูดว่า "すみません"
ตอนที่ไปญี่ปุ่นนี่ไม่คุ้นเลยที่ต้องพูด すみません
แต่อยู่ไปๆก็ชินเอง แล้วพอกลับมาไทย
เวลาขึ้นลิฟท์ก็มักจะพูด "ขอบคุณค่ะ" เหมือนเดิม
อันนี้คิดได้สองแง่เนอะ
"ขอบคุณ" ที่เค้ารอเรา อุตส่าห์กดลิฟท์ให้ด้วย
"ขอโทษ" ที่เราทำให้เค้าลำบาก ต้องมารอเรา ทำให้ลิฟท์ไปช้า
แค่นี้ีคนไทยกับญี่ปุ่นก็คิดต่างกันแล้ว
คือว่าเมื่อวันก่อน พยายามรีบวิ่งให้ทันลิฟท์ที่คณะ
แล้วก็ทันจริงๆด้วย ฮ่าๆ พอเข้าไปก็ูพูดว่า "ขอโทษค่ะ"
แล้วก็คิดขึ้นมาว่า เอ๊ะ พูดเหมือนคนญี่ปุ่นเลยแฮะ
เพราะในสถานะการณ์นี้คนไทยส่วนใหญ่มักจะพูดว่า "ขอบคุณค่ะ/ครับ"
อย่างคนญี่ปุ่น คนที่เข้าลิฟท์มาทีหลังก็มักจะพูดว่า "すみません"
ตอนที่ไปญี่ปุ่นนี่ไม่คุ้นเลยที่ต้องพูด すみません
แต่อยู่ไปๆก็ชินเอง แล้วพอกลับมาไทย
เวลาขึ้นลิฟท์ก็มักจะพูด "ขอบคุณค่ะ" เหมือนเดิม
อันนี้คิดได้สองแง่เนอะ
"ขอบคุณ" ที่เค้ารอเรา อุตส่าห์กดลิฟท์ให้ด้วย
"ขอโทษ" ที่เราทำให้เค้าลำบาก ต้องมารอเรา ทำให้ลิฟท์ไปช้า
แค่นี้ีคนไทยกับญี่ปุ่นก็คิดต่างกันแล้ว
25530109
タスク5 飛行機
สัปดาห์นี้ได้เอา Script ที่อัดเสียงพูดสดมาแลกกับเพื่อนในห้องดู
แล้วก็ได้เรียนเกี่ยวกับเรื่อง 「~ている」 ด้วย
จากแผ่นกระดาษเฉลยที่เป็น Script ของอาจารย์ชาวญี่ปุ่น
ก็พบว่ามีหลายๆ รูปประโยคที่ไม่เคยใช้เลย ได้รู้จักเป็นครั้งแรกจากเฉลยนี่แหละ
ตัวอย่างเช่น . . .
♪ Vdict はずだった
เป็นการบอกถึงเรื่องที่จะทำในอดีตแน่ๆ แต่ว่าไม่ได้ทำ
อย่างใน Script บอกว่า
「自分が乗るはずだった飛行機に明美は乗れませんでした。」
หมายถึงว่า ไม่ได้ขึ้นเครื่องบินที่ตอนแรกจะต้องขึ้น(แน่ๆ)
ใน Script ของตัวเองตอนนึงเขียนเกี่ยวกับเครื่องบินว่า
「その乗らなかった飛行機 . . .」
ดูความไฮโซ ต่างกันมากมาย ฮ่าๆๆ
♪ _______~すれば/したら、_______~ている/ていた。
เป็นการอธิบายถึงเรื่องที่ตรงข้ามความจริงในอดีต
คล้ายๆกับ if clause แบบที่สามในภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างใน Script ว่า
「あのひこうきに乗っていたら、死んでいただろう。」
เป็นการคิดกับตัวเองว่าถ้าเกิดขึ้นเครื่องบินนั้นไปเนี่ยนะก็คงจะตายไปแล้ว
(ตรงข้ามกับความจริง => จริงๆแล้วไม่ได้ขึ้นเครื่องบินลำนั้น แล้วก็ไม่ได้ตาย)
เคยสงสัยเหมือนกันว่ามีรูป if clause ในภาษาญี่ปุ่นรึเปล่า?
คราวนี้ก็ได้รู้แล้ว ใช้รูปประโยคนี้นี่เอง :D
นอกจากนี้ รูป「~ている」ที่อาจารย์ได้สอนในคาบนั้นก็ยังมีอีกหลายกรณี
ทั้งกรณีที่ใช้บ่อยๆ อย่างเช่นแบบ 継続、結果の状態、現在の習慣
แล้วก็มีที่ไม่ค่อยได้ใช้ด้วย คือเป็นประเภทที่เรียกว่า
経験/経歴/歴史的現在/記録
เป็นการบันทึกตัวเลข สถิติเอาไว้ (เหตุการณ์จบไปแล้ว)
รูปประโยคนี้แปลก ถึงแม้วาเหตุการณ์จะจบลงไปแล้ว แต่ก็ยังใช้รูป 「~ている」
อย่างเช่น 「その本は何年も前に読んでいる。」
เข้าใจเรื่อง 「~ている」มากขึ้นอย่างมากเลยเพราะ タスク นี้
ไว้คราวหน้าจะอัพเรื่องเกี่ยวกับหัวข้อ Portfolio แล้ววว ~
เดี๋ยวจะไม่ทัน ;P
แล้วก็ได้เรียนเกี่ยวกับเรื่อง 「~ている」 ด้วย
จากแผ่นกระดาษเฉลยที่เป็น Script ของอาจารย์ชาวญี่ปุ่น
ก็พบว่ามีหลายๆ รูปประโยคที่ไม่เคยใช้เลย ได้รู้จักเป็นครั้งแรกจากเฉลยนี่แหละ
ตัวอย่างเช่น . . .
♪ Vdict はずだった
เป็นการบอกถึงเรื่องที่จะทำในอดีตแน่ๆ แต่ว่าไม่ได้ทำ
อย่างใน Script บอกว่า
「自分が乗るはずだった飛行機に明美は乗れませんでした。」
หมายถึงว่า ไม่ได้ขึ้นเครื่องบินที่ตอนแรกจะต้องขึ้น(แน่ๆ)
ใน Script ของตัวเองตอนนึงเขียนเกี่ยวกับเครื่องบินว่า
「その乗らなかった飛行機 . . .」
ดูความไฮโซ ต่างกันมากมาย ฮ่าๆๆ
♪ _______~すれば/したら、_______~ている/ていた。
เป็นการอธิบายถึงเรื่องที่ตรงข้ามความจริงในอดีต
คล้ายๆกับ if clause แบบที่สามในภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างใน Script ว่า
「あのひこうきに乗っていたら、死んでいただろう。」
เป็นการคิดกับตัวเองว่าถ้าเกิดขึ้นเครื่องบินนั้นไปเนี่ยนะก็คงจะตายไปแล้ว
(ตรงข้ามกับความจริง => จริงๆแล้วไม่ได้ขึ้นเครื่องบินลำนั้น แล้วก็ไม่ได้ตาย)
เคยสงสัยเหมือนกันว่ามีรูป if clause ในภาษาญี่ปุ่นรึเปล่า?
คราวนี้ก็ได้รู้แล้ว ใช้รูปประโยคนี้นี่เอง :D
นอกจากนี้ รูป「~ている」ที่อาจารย์ได้สอนในคาบนั้นก็ยังมีอีกหลายกรณี
ทั้งกรณีที่ใช้บ่อยๆ อย่างเช่นแบบ 継続、結果の状態、現在の習慣
แล้วก็มีที่ไม่ค่อยได้ใช้ด้วย คือเป็นประเภทที่เรียกว่า
経験/経歴/歴史的現在/記録
เป็นการบันทึกตัวเลข สถิติเอาไว้ (เหตุการณ์จบไปแล้ว)
รูปประโยคนี้แปลก ถึงแม้วาเหตุการณ์จะจบลงไปแล้ว แต่ก็ยังใช้รูป 「~ている」
อย่างเช่น 「その本は何年も前に読んでいる。」
เข้าใจเรื่อง 「~ている」มากขึ้นอย่างมากเลยเพราะ タスク นี้
ไว้คราวหน้าจะอัพเรื่องเกี่ยวกับหัวข้อ Portfolio แล้ววว ~
เดี๋ยวจะไม่ทัน ;P
25530101
ただし
明けましておめでとうございます!
ก่อนอื่นต้องพูดคำนี้ก่อน เพราะวันนี้เป็นวันแรกของปี 2010
เย่ เริ่มต้นปีใหม่ อะไรที่ไม่ดีในปีที่แล้วก็ทิ้งไป แล้วเริ่มใหม่ ^^
หลังจากที่อัพเรื่อง 別に ไปเมื่อวานซืน
วันนี้จะอัพเรื่องเกี่ยวกับ 作文 เรื่องหนึ่งที่หัวข้อ ゴミ
ตอนที่เขียนแก้ครั้งที่ 3 เสร็จ
池谷先生 ก็เขียนคอมเม้นกลับมาว่า
เคยเรียนในวิชา Jap Reading II เกี่ยวกับคำสันธานเยอะแยะมากมาย
รู้สึกว่าจำยังไงก็จำไม่หมด - -"
เห็นคำสันธานนี้ เลยนึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นก็เจอ ただしเหมือนกัน
ตอนนั้นอาจารย์อัษฎายุทธอธิบายว่า ただし จะใช้ตอนที่เป็นประโยคขัดแย้ง
แต่สิ่งที่ขัดแย้งในประโยคหลังจะเป็นเรื่องยิบย่อยลงไป ไม่ใช่เรื่องหลัก
ก็คือ อาจารย์บอกว่าโดยรวมทั้งหมด OK แ้ล้ว แต่ให้เขียน address ด้วย
(ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องหลัก) เข้าใจว่าประมาณนี้นะ ฮ่าๆๆๆ
เอาไว้วันหลังถ้าเจอกรณีแบบนี้จะได้ใช้คำ ただし เป็นซักที
ปกติไม่เคยใช้เลย เพราะไม่เข้าใจความหมายที่ชัดเจน คือ กลัวผิดนั่นเอง หุหุ
จากที่อาจารย์เขียนมา แอบไม่เข้่าใจนิดนึงว่าทำไมต้อง 書いておく
ใช้เป็น 書く เลยไม่ได้หรอ? เหมือนกับ "เขียนเตรียมไว้" รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้
ก่อนอื่นต้องพูดคำนี้ก่อน เพราะวันนี้เป็นวันแรกของปี 2010
เย่ เริ่มต้นปีใหม่ อะไรที่ไม่ดีในปีที่แล้วก็ทิ้งไป แล้วเริ่มใหม่ ^^
หลังจากที่อัพเรื่อง 別に ไปเมื่อวานซืน
วันนี้จะอัพเรื่องเกี่ยวกับ 作文 เรื่องหนึ่งที่หัวข้อ ゴミ
ตอนที่เขียนแก้ครั้งที่ 3 เสร็จ
池谷先生 ก็เขียนคอมเม้นกลับมาว่า
OK. ただし、アドレズは必ず書いておくようにしてください。
เคยเรียนในวิชา Jap Reading II เกี่ยวกับคำสันธานเยอะแยะมากมาย
รู้สึกว่าจำยังไงก็จำไม่หมด - -"
เห็นคำสันธานนี้ เลยนึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นก็เจอ ただしเหมือนกัน
ตอนนั้นอาจารย์อัษฎายุทธอธิบายว่า ただし จะใช้ตอนที่เป็นประโยคขัดแย้ง
แต่สิ่งที่ขัดแย้งในประโยคหลังจะเป็นเรื่องยิบย่อยลงไป ไม่ใช่เรื่องหลัก
ก็คือ อาจารย์บอกว่าโดยรวมทั้งหมด OK แ้ล้ว แต่ให้เขียน address ด้วย
(ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องหลัก) เข้าใจว่าประมาณนี้นะ ฮ่าๆๆๆ
เอาไว้วันหลังถ้าเจอกรณีแบบนี้จะได้ใช้คำ ただし เป็นซักที
ปกติไม่เคยใช้เลย เพราะไม่เข้าใจความหมายที่ชัดเจน คือ กลัวผิดนั่นเอง หุหุ
จากที่อาจารย์เขียนมา แอบไม่เข้่าใจนิดนึงว่าทำไมต้อง 書いておく
ใช้เป็น 書く เลยไม่ได้หรอ? เหมือนกับ "เขียนเตรียมไว้" รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)